ทำ ข้อสอบ Comparison ยังไงให้ได้คะแนน Top

ทำ ข้อสอบ comparison ยังไงให้ได้คะแนน Top

หลายคนอาจจะเห็นประโยคประมาณนี้กันบ่อยครั้งในภาษาไทยใช่ไหมครับ ประโยคที่แสดงถึง การเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นหมวดที่จะมีใน ข้อสอบ comparison อยู่เสมอ เช่น

– เธอสวยกว่าฉัน

– เขาสูงที่สุดในชั้นเรียน

– เราน้ำหนักเท่ากัน

 

ในภาษาอังกฤษเราจะเรียกประโยคแบบนี้ว่า Comparison ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ขั้น ดังต่อไปนี้

1. การเปรียบเทียบขั้นธรรมดา (positive degree)

2. การเปรียบเทียบขั้นกว่า (comparative degree)

3. การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด (superlative degree)

 

หากเราใช้ภาษาไทย เรื่องนี้คงไม่มีอะไรยากเลย…ถูกไหมครับ แต่เมื่อจินตนาการว่าต้องทำข้อสอบในเรื่องเหล่านี้เป็นภาษาอังกฤษล่ะ ดูยากขึ้นมาทันทีเลยจริงไหมครับ ทั้งมีหลายขั้น แต่ละขั้นยังแยกออกเป็นกฏข้อต่าง ๆ อีก ก็อย่างที่บอกครับ…ภาษาอังกฤษ นี่เกิดมาเพื่อปราบเซียนจริง ๆ

แต่อย่ากังวลไปเลยครับ วันนี้ผมจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “การเปรียบเทียบ” หรือ “Comparison” กันอย่างละเอียด รวมทั้งกลยุทธ์ และวิธีการต่าง ๆ ที่จะนำทุก ๆ คนพิชิต ข้อสอบ comparison เพื่อให้ได้คะแนน Top กันดีกว่าครับ…

 

มาทำความรู้จักกับ “Comparison” โดยทั่วไปกันดีกว่า  

          การเปรียบเทียบ หรือ Comparison เป็นเรื่องหนึ่งของไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ การที่จะทำ ข้อสอบ comparison เรื่องนี้ได้ ผู้สอบจะต้องมีองค์ความรู้ทางภาษาอังกฤษในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคำนาม (nouns), คำคุณศัพท์ (adjectives), คำกริยาวิเศษ (adverbs) และ Verb To Be โดยที่ในแต่ละขั้นของ Comparison จะมีโครงสร้างและมีหลักการเปลี่ยนรูปที่ไม่เหมือนกัน ผู้ที่ทำการสอบเรื่องนี้จึงจำเป็นจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในเรื่องของตำแหน่ง เพื่อไม่ให้พลาด โดยมีหลักการในแต่ละขั้นดังต่อไปนี้ครับ

 

1. การเปรียบเทียบขั้นธรรมดา (positive degree)

การเปรียบเทียบขั้นธรรมดาถือเป็นขั้นที่ง่ายที่สุด เพราะเราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรูปคำคุณศัพท์อะไรเลย สิ่งสำคัญก็คือโครงสร้างของขั้นนี้นั่นเอง โดยโครงสร้างคือ

subject 1 + verb to be + as + adj. + as subject 2

เช่น

  • Lisa is as tall as Jenny. (ลิซ่าสูงเท่าเจนนี่)
  • Chris can run as fast as Peter. (คริสวิ่งเร็วพอ ๆ กับปีเตอร์)

 

2. การเปรียบเทียบขั้นกว่า (comparative degree)

การเปรียบเทียบขั้นกว่าเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราต้องการที่จะเปรียบเทียบของสองสิ่งว่าสิ่งไหน สวย ยาว ขาว ใหญ่…กว่ากัน โดยมีโครงสร้างคือ

2.1 subject 1 + verb to be + adj. พยางค์เดียว (ที่เติม -er) + than + subject 2

เช่น

  • Tony is smarter than Javis. (โทนี่ฉลาดกว่าจาวิส)
  • Christopher is taller than Robert. (คริสโตเฟอร์สูงกว่าโรเบิร์ต)
  • Mona Lisa’s house is bigger than John’s. (บ้านของโมนาลิซ่าใหญ่กว่าของจอห์น)
  • My hair is longer than yours (ผมของฉันยาวกว่าของคุณ)

 

2.2 subject 1 + verb to be + more +adj. (3 พยางค์ขึ้นไป) + than + subject 2

เช่น

  • Roses are more beautiful than marigolds. (ดอกกุหลาบงดงามกว่าดอกดาวเรือง)
  • Korean songs are more famous than Thai songs. (เพลงเกาหลีมีชื่อเสียงกว่าเพลงไทย)
  • I think the sea is more interesting than the mountains. (ฉันคิดว่าทะเลน่าสนใจกว่าภูเขา)
  • I think rock music is more exciting than pop music. (ฉันคิดว่าเพลงร็อกน่าตื่นเต้นกว่าเพลงป๊อบ)
รายละเอียดคอร์สเรียน

3. การเปรียบเทียบขั้นสูงสุด (superlative degree)

ขั้นสูงสุดหรือขั้นที่สุด เป็นการเปรียบเทียบอะไรก็ตามที่มีปริมาณมากกว่า 3 สิ่งขึ้นไป หลังจากที่เราเปรียบเทียบแล้วจะมีสิ่งหนึ่งที่สวยที่สุด…สูงที่สุด…ดีที่สุด…หรือใหญ่ที่สุดนั่นเอง โดยมีโครงสร้างคือ

 

3.1 subject + verb to be + the + adj. พยางค์เดียว (ที่เติม -est)

เช่น

  • Obama is the smartest person. (โอบามาเป็นคนที่ฉลาดที่สุด)
  • Earth and astronomy is the easiest subject. (โลกและดาราศาสตร์เป็นวิชาที่ง่ายที่สุด)
  • Elephants are the largest mammals in the world. (ช้างเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก)
  • Phuket is the smallest province in Thailand. (ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย)

 

3.2 subject + verb to be + the + most + adj. 2พยางค์ขึ้นไป

เช่น

  • China is the most populous country in the world. (ประเทศจีนคือประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก)
  • Niagara is the most dangerous waterfall in the world. (ไนแองการาเป็นน้ำตกที่อันตรายที่สุดในโลก)
  • Traveling by plane is the most exciting thing in my life. (การเดินทางโดยเครื่องบินคือสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิตฉัน)
  • Mary was the most active student in the class. (แมรี่คือนักเรียนที่กระตือรือร้นที่สุดในชั้นเรียน)

 

ตารางการผันรูป Adjectives ใน Comparison

ขั้นธรรมดา ขั้นกว่า ขั้นที่สุด
big ใหญ่ bigger ใหญ่กว่า the biggest ใหญ่ที่สุด
long ยาว longer ยาวกว่า the longest ยาวที่สุด
small เล็ก smaller เล็กกว่า the smallest เล็กที่สุด
tall สูง taller สูงกว่า the tallest สูงที่สุด
nice ดี nicer ดีกว่า nicest ดีที่สุด
fast เร็ว faster เร็วกว่า fastest เร็วที่สุด
large ใหญ่ larger ใหญ่กว่า largest ใหญ่ที่สุด
thin บาง thinner บางกว่า thinnest บางที่สุด
cute น่ารัก cuter น่ารักกว่า cutest น่ารักที่สุด

ดูไปดูมาเหมือนจะง่ายเลยไหมครับก็แค่เติม -er ในขั้นกว่า -est ในขั้นที่สุด แต่ถ้ามันง่ายขนาดนั้นคนก็คงทำได้กันหมดจริงไหมครับ เราลองมาดูกฎการใช้ต่าง ๆ กันดีกว่าครับ

 

หลักการเติม -er และ -est

  1. คำที่มีสระเสียงสั้นตัวเดียว และตัวสะกดตัวเดียวให้เราเติมตัวสะกดอีกตัวเข้าไป แล้วเติม-er -est เช่น big ก็เป็น bigger / biggest
  2. คำศัพท์ที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -er / -est เช่น pretty ก็เป็น prettier / prettiest
  3. คำตั้งแต่สองพยางค์ขึ้นไปให้เติม more…than ในขั้นกว่า และ the most … ในขั้นที่สุด เช่น more dangerous / the most dangerous

 

คำที่ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ

ขั้นธรรมดา ขั้นกว่า ขั้นที่สุด
good ดี better ดีกว่า the best ดีที่สุด
bad เลว worse เลวกว่า worst เลวที่สุด
many มาก more มากกว่า the most มากที่สุด
little น้อย less น้อยกว่า the least น้อยที่สุด
far ไกล farther ไกลกว่า farthest ไกลที่สุด

 

และนี่คือเนื้อหาทั้งหมดของ Comparison ทาง Engduo Thailand หวังว่าทุกคนจะสามารถนำเอาหลักการและวิธีการใช้ต่าง ๆ ไปประยุกต์ใช้ในการทำข้อสอบของตัวเองและได้คะแนน Top กันทุกคนนะครับ หากใครสนใจคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ทั้งเพื่อการสื่อสาร หรือการสอบ IELTS สามารถสอบถามการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว ในราคาที่เหมาะสมกับตัวเองได้เลยนะครับ

อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม

Engduo Thailand

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ตัวต่อตัว พูดได้ชัวร์ ใช้ได้จริง

Engduo Thailand

ค้นหาคอร์สเรียนที่เหมาะกับคุณ ติดต่อเราเลย

FB: Engduo Thailand

Messenger

Line: @engduo

Tel: 0988268961

บทความของเรา

แต่งประโยคภาษาอังกฤษอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
แต่งประโยคภาษาอังกฤษอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์

การแต่งประโยคในภาษาอังกฤษโดยยึดหลังไวยากรณ์ถือเป็นสิ่งจำเป็น หากแต่งประโยคไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์อาจทำให้ประโยคไม่สมบูรณ์ ใจความของประโยคมีความคลาดเคลื่อน สามารถส่งผลให้เกิดการสื่อสารที่เข้าใจผิดได้ ในบทความนี้ มาเรียนภาษาอังกฤษไปด้วยกัน กับการแต่งประโยคภาษาอังกฤษอย่างไรให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ อธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานประกอบด้วยอะไรบ้าง โครงสร้างประโยคภาษาอังกฤษพื้นฐานที่จะทำให้ประโยคมีความสมบูรณ์ ประกอบด้วย ดังนี้ ประธาน (Subject) ประธานหรือประธานในประโยค

ดูบทความทั้งหมด