สรุปการใช้ Present Perfect Tense ให้เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

สรุปการใช้ Present Perfect Tense ให้เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่เด็ก ๆ พวกเราได้เรียนภาษาอังกฤษในหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งเรื่องของ Tense ก็คือหนึ่งในเรื่องได้เรียนและเรื่องของ Present Perfect Tense นั้นก็คือหนึ่งในเรื่องที่หลาย ๆ คนยังไม่เข้าใจและยังไม่คล่องในการใช้ โดยPresent Perfect Tense เป็นรูปประโยคที่ใช้ในการเล่าถึงเหตุการณ์ที่มีจุดเริ่มต้นในอดีต ที่ยังดำเนินอยู่ถึงปัจจุบัน และอาจดำเนินต่อไปในอนาคต ตามบทความฝึกภาษาอังกฤษนี้ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะยังมีการใช้รูปประโยค Present Perfect Tense ที่ยังไม่คล่อง แต่เพื่อเข้าใจโครงสร้างประโยค, วิธีการใช้ และรวมไปถึงบทสรุปของPresent Perfect Tense ทาง Engduothailand ได้ทำสรุปมาให้ดูแล้ว พร้อมตัวอย่างประโยค ไปพร้อมๆกัน

โครงสร้างประโยค Present Perfect Tense

1. ประโยคบอกเล่า S. + has/have + v3

เช่น I have gone to the grocery store many times. (ฉันเคยไปร้านขายของชำหลายครั้ง), He has been to Thailand once. (เขาเคยไปประเทศหนึ่งครั้ง)

2. ประโยคคำถาม Has/Have (not) + s. + v3 ?

เช่น Have you ever been to London before? (คุณเคยไปลอนดอนมาก่อนไหม? ), Have you eaten lunch? (คุณทานข้าวกลางวันแล้วใชไหม? )

3. ประโยคปฏิเสธ S. + has/have not + v3

เช่น Jason has not read the book yet. (เจสันยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย), I have not seen her today. (วันนี้ฉันยังไม่ได้เห็นหล่อนเลย)

รายละเอียดคอร์สเรียน

การใช้Present Perfect Tense 

Present Perfect Tenseจะสามารถใช้ในเหตุการณ์ ดังนี้

  • ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอดีต และมีการดำเนินเหตุการณ์มาจนถึงปัจจุบัน หรือผลลัพธ์ยังคงแสดงให้เห็นในปัจจุบัน โดยมีคำบอกเวลากำกับไว้ เช่น since, for, already, yet, just…

ตัวอย่าง  

I have lived in Bangkok since 1991. (ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 1991)

I have worked in this company for 7 months. (ฉันทำงานในบริษัทนี้มา 7 เดือนแล้ว)

  • ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะจบไป 

ตัวอย่าง 

I have just finished my homework. (ฉันเพิ่งทำการบ้านเสร็จ)

I have just come back to China. (ฉันเพิ่งกลับมาจากจีน)

  • ใช้กับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่ระบุเวลา เพียงต้องการให้ทราบว่าเคยเกิดขึ้น เป็นการเน้นผลลัพธ์ โดยมีคำระบุ อย่างเช่น ever, never, several times…

ตัวอย่าง  

Sara has visited Myanmar for several times. (ซาร่าเคยไปเที่ยวพม่าหลายครั้ง)

She has never been to Japan. (หล่อนไม่เคยไปญี่ปุ่น)

  • ใช้กับเหตุการณ์ที่จบไปแล้ว แต่ผลของเหตุการณ์นั้นยังคงอยู่

ตัวอย่าง  

We have just cleaned our classroom.(เราเพิ่งทำความสะอาดห้องเรียนของเราไป (ห้องเรียนยังสะอาดอยู่))

My dog has already eaten. (สุนัขของฉันกินข้าวแล้ว (ตอนก็ยังอิ่มอยู่))

  • ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และอาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีคำกำกับเวลา อย่าง today, this week, this month, this year 

ตัวอย่าง  

My mother has washed the blanket twice this month. (แม่ฉันซักผ้าห่มไปแล้ว 2 ครั้งแล้วเดือนนี้ (และอาจจะซักอีก))

Maya has drunk two cups of Thai tea today. (มายาดื่มชาไทยไปสองแก้วแล้วในวันนี้ (และอาจจะดื่มอีก))

 

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

สรุป

Present Perfect Tense เป็นรูปประโยคที่ใช้ในการเล่าถึงเหตุการณ์ที่มีจุดเริ่มต้นในอดีต ที่ยังดำเนินอยู่ถึงปัจจุบัน และอาจดำเนินต่อไปในอนาคต แตกต่างจาก Past Simple Tense คือ Present Perfect Tense จะเน้นผลของการกระทำมากกว่า เราควรเข้าใจถึงรูปประโยคและการใช้เพื่อสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง หากอยากเรียนรู้ให้ลึกขึ้น สามารถเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ด้วยคอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์ กับ สถาบันสอนภาษาอังกฤษ Engduothailand ที่ได้รับความไว้วางใจจากนักเรียนมากกว่า 30,000 คน ด้วยครูที่มีมาตรฐานผ่านการอบรมจากทางสถาบันมากกว่า 300 ท่าน พร้อมด้วยครูชาวต่างชาติ และยังมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่หลากหลายให้เลือกเรียน ไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก, คอร์สเรียน IELTS ออนไลน์

 

Engduo Thailand

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ตัวต่อตัว พูดได้ชัวร์ ใช้ได้จริง

Engduo Thailand

ค้นหาคอร์สเรียนที่เหมาะกับคุณ ติดต่อเราเลย

FB: Engduo Thailand

Messenger

Line: @engduo

Tel: 0988268961

บทความของเรา

5 สถาบันเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดีที่สุด
5 สถาบันเรียนภาษาอังกฤษที่ไหนดีที่สุด

ทำไมเราเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล หรือประถมศึกษา แต่ยังใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่อง หรือยังไม่เข้าใจหลักภาษาอังกฤษอย่างถ่องแท้เลย? เชื่อว่าเป็นคำถามที่อยู่ในใจเด็กไทยหลายๆ คนมาตลอด รวมถึงวัยทำงานที่กำลังจะต้องเตรียมสอบ หรือใช้ภาษาอังกฤษสำหรับการทำงานด้วยเช่นกัน แน่นอนว่ามีปัจจัยมากมายที่ทำให้ภาษาอังกฤษของเราไม่แข็งแรง ทั้งที่เรียนในหลักสูตรบังคับกันมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลอย่างมาก คือ ส่วนใหญ่แล้วการเรียนภาษาอังกฤษนั้น จะเรียนเพื่อเตรียมสอบมากกว่าการเรียนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน

ดูบทความทั้งหมด