ประโยค “If Clause” หรือประโยคเงื่อนไข คงเป็นหลักไวยากรณ์ในภาษาอังกฤษที่ใครหลายคนอาจจะผ่านตากันมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้พูดถึงถ้าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นและเหตุการณ์อะไรจะตามมาในภายหลัง จากคำว่า “If” ที่แปลว่า “ถ้า” นั่นเอง แต่อาจจะมีคำสับสนงงงวยว่า แล้วมันจะนำไปใช้ในการสนทนาอย่างไร เพื่อการนี้ Engduo Thailand สถาบันสอนภาษาอังกฤษ จึงจะพาทุกคนมารู้จักกับ If Clause มากขึ้น กับ If Clause ทั้ง 4 แบบ พร้อมกับประโยคตัวอย่าง ในฉบับที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง
โครงสร้าง: ประโยคเงื่อนไข (If = ถ้า) , ประโยคที่เป็นผลตามมา
(Conditional Clause) (Result Clause)
-
Type 0 (ประเภทที่ 0)
ประเภทที่ 0 ในประโยคเงื่อนไขนี้ เราจะนำไปใช้พูดในประโยคที่เกิดขึ้นจริง เน้นว่าเกิดขึ้นจึง ใน ณ ที่นี้คือการเกิดขึ้นตามธรรมชาติเกิดขึ้นจริงโดยไม่ต้องสงสัยหรืออาจเป็นสิ่งที่ประธานทำเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว นอกจากนี้ก็ยังใช้เป็นประโยคคำสั่งได้อีกด้วย โดยประเภทนี้จะใช้โครงสร้าง Present Simple Tense เป็นหลักทั้งหน้าหลัง
โครงสร้าง: If + Present Simple (S + V1), Present Simple (S + V1)
ตัวอย่าง:
- If the rain stops, the colorful rainbow appears.
เมื่อฝนหยุด สายรุ้งที่มีสดใสก็จะปรากฏขึ้น (สายรุ้งขึ้นหลังฝนตกเสมอ)
- If you freeze water, it becomes a solid.
ถ้าคุณเอาน้ำเปล่าไปแช่แข็ง มันจะกลายเป็นของแข็ง (น้ำเป็นของเหลว เมื่อเอาไปแช่แข็งก็จะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง)
- If I wake up early in the morning, I always go jogging at the park.
ถ้าฉันตื่นแต่เช้า ฉันก็มักจะไปวิ่งจ็อกกิ้งที่สวนสาธารณะอยู่เสมอ (ฉันมักจะไปวิ่งสวนสาธารณะตลอดเวลาตื่นแต่เช้า)
- Meet me at house if you do not know where to go.
มาเจอฉันที่บ้าน หากเธอไม่รู้จะไปไหนดี (คิดไม่ออกว่าจะไปไหนก็มาเจอกันที่บ้าน)
-
Type 1 (ประเภทที่ 1)
เขยิบขึ้นมาอีกขึ้นกับประเภทที่ 1 ที่มักจะได้ใช้บ่อยพอ ๆ กับข้อแรกเลย แต่เป็นประเภทที่ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนแล้วจะมีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นตามมาในอนาคต ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ โดยประเภทนี้จะมี Future Simple Tense เข้ามาเป็นประโยคของผลที่ตามมา แต่นอกจากนี้ยังสามารถใช้ modal verb ช่องแรก (กริยาช่วย) มาแทน will ได้ เช่น can, shall, should, may, must
โครงสร้าง: If + Present Simple (S + V1), Future Simple (S + will (modal v.) + V1)
ตัวอย่าง:
- If you do not hurry, you will miss the train.
ถ้าเธอไม่รีบ เธอจะตกรถไฟนะ (แน่นอนว่า ถ้าไม่รีบก็ตกรถไฟอย่างแน่นอน)
- I will stay at home if it is hot outside.
ฉันจะอยู่บ้าน ถ้าข้างนอกอากาศร้อน (เวลาอากาศร้อน อาจจะไม่ออกข้างนอก แต่อยู่บ้านแทน)
- She will be angry if you are late today.
เธอคงจะโกรธ หากคุณไปสายวันนี้ (ถ้าเขาไปสายวันนี้ เธอต้องโกรธแน่ ๆ อาจจะเคยสายมาแล้ว)
- If you want to pass the exam, you should concentrate with your study.
ถ้าเธออยากผ่านการสอบ เธอก็ควรจะตั้งใจอ่านหนังสือสิ (ถ้าไม่ตั้งใจอ่านหนังสือก็สอบไม่ผ่าน)
-
Type 2 (ประเภทที่ 2)
ประเภทที่ 2 คือประโยคเงื่อนไขที่พูดถึงเหตุการณ์สมมติที่ไม่สามารถเกิดขึ้นหรือไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในปัจจุบันหรืออนาคตได้เลย โดยจะเป็นการนำ Past Simple เป็นประโยคเงื่อนไขเข้ามาใช้คู่กับ would หรือ modal verb ได้อย่าง should, could, might
โครงสร้าง: If + Past Simple (S + V2), S + would (past modal v.) + V1
ตัวอย่าง:
- If she studied harder last month, she would get good grades.
ถ้าเดือนที่แล้วหล่อนตั้งใจเรียน หล่อนคงจะได้เกรดดีไปแล้ว (เดือนที่แล้วไม่ตั้งใจเรียน เกรดเลยไม่ดี)
- If I won the lottery, I could travel around the world.
ถ้าฉันถูกหวย ฉันคงสามารถไปเที่ยวรอบโลกได้ (ยังไม่ถูกหวย เลยยังไม่ได้ไปเที่ยวรอบโลก)
- We would build a snowman if it snowed.
เราคงจะปั้นตุ๊กตาหิมะด้วยกัน ถ้าหิมะตก (ตอนนี้ปั้นไม่ได้ เพราะหิมะไม่ตก)
-
Type 3 (ประเภทที่ 3)
ประเภทสุดท้ายใช้กับเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เกิดขึ้นตรงข้ามกับในอดีต เหตุการณ์ที่ผู้พูดไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ชนิดเพ้อฝันขั้นกว่ายิ่งกว่าประเภทที่ 2 โดยใช้โครงสร้าง Past Perfect คู่กับ would + have + V3
โครงสร้าง: If + Past Perfect (S + had + V3), S + would + have + V3
- If it had rained last year, these trees would not have died.
ถ้าปีที่แล้วฝนตก ต้นไม้พวกนี้คงไม่ตาย (ตอนนี้ต้นไม้ได้ตายหมดแล้ว ไม่สามารถฟื้นได้)
- If he had finished college, he would have become a lawyer.
ถ้าเขาเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาคงจะได้เป็นทนายไปแล้ว (แต่เขาเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย จึงไม่ได้เป็นทนาย)
- If I had known you were coming here, I would have cooked a meal.
ถ้าฉันรู้ว่าเธอกำลังมา ฉันคงจะทำอาหารรอแล้ว (ไม่รู้ว่าจะมา จึงไม่ได้ทำอาหารเตรียมไว้)
เห็นไหมว่า การใช้ If Clause ในการพูดหรือการสนทนาไม่ได้ยากเลย เพียงแค่ว่าเราต้องเข้าใจว่า ประเภทไหนใช้สำหรับการพูดแบบไหน ถ้าลองใช้พูดจริงและฝึกฝนบ่อย ๆ ก็สามารถเก่งขึ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยการท่องจำเลย มีโอกาสได้ใช้บ่อยอย่างแน่นอน ลองนำไปใช้ในสถานการณ์จริงกันดูนะ
สำหรับใครอยากสมัครเรียนภาษาอังกฤษกับ Engduo Thailand เป็นสถาบันภาษา ที่มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวในราคาที่เหมาะสมกับคอร์สเรียนแบบตัวต่อตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการสื่อสาร การสัมภาษณ์งาน หรือการสอบ IELTS หากใครสนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ได้เลยครับ
อ่านเนื้อหาเพิ่มเติม
Engduo Thailand
คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ตัวต่อตัว พูดได้ชัวร์ ใช้ได้จริง
Engduo Thailand
ค้นหาคอร์สเรียนที่เหมาะกับคุณ ติดต่อเราเลย
ที่มาข้อมูล
- https://madonna.edu/resources/writing-center/online-tutoring/Conditionals.pdf
- https://www.trueplookpanya.com/blog/content/70773/-blo-laneng-lan
- https://learnenglish.britishcouncil.org/grammar/b1-b2-grammar/conditionals
- https://studio.smu.ca/ac-resources/conditional-sentences