ในการ เรียนภาษาอังกฤษ เคยมีช่วงไหนหรือไม่ที่เพื่อน ๆ สับสนในเรื่องต่อไปนี้ บอกวันเดือนปีของเหตุการณ์จะใช้ in หรือ on? เมื่อต้องการพูดถึงช่วงเวลาของเหตุการณ์ ควรใช้ for หรือ since? และยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่เข้าลักษณะนี้ หากเพื่อน ๆ คือหนึ่งในคนที่สับสนเรื่องการพูดถึงเวลา ก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะมีอีกหลายคนที่สับสนเช่นกัน เราเรียกสิ่งที่กำลังพูดถึงว่า คำบุพบทบอกเวลา (Preposition of Time) ตัวหลักที่ต้องใช้ให้เป็นคือ in, on, และ at ซึ่งในวันนี้เราจะมาอธิบายหลักการใช้สามคำนี้แบบเข้าใจง่าย รวมถึงบุพบทอื่นเกี่ยวกับเวลา พร้อมด้วยตัวอย่างที่นำไปใช้ได้จริง
in, on, at ใช้ต่างกันอย่างไร
สามคำนี้ หากนำไปใช้พูดถึงสถานที่และตำแหน่งของสิ่งของ เราเชื่อว่าคน เรียนภาษาอังกฤษ ที่สับสนคงมีไม่มาก แต่เมื่อพูดถึงเวลา คงทำให้คน เรียนภาษาอังกฤษ จำนวนมากสับสน หากถามว่าจำเป็นต้องใช้ให้ถูกหรือเปล่า คำตอบก็คือควรใช้ให้ถูก เพราะการใช้ผิดสามารถทำให้ประโยคฟังดูแปลก หรือสื่อความหมายผิดได้
- in ใช้กับช่วงเวลาที่ยาวหรือไม่เฉพาะเจาะจง โดยจะใช้พูดถึงช่วงเวลาที่ค่อนข้างกว้าง เช่น ปี เดือน ฤดูกาล หรือช่วงเวลาในแต่ละวัน เช่น
– in 2025 (ปี)
– in June (เดือน)
– in the morning / in the afternoon / in the evening (ช่วงเวลาของวัน) โดยจะยกเว้นช่วงกลางคืนซึ่งจะใช้ at night
– in winter (ฤดูกาล)
– in the 1990s (ทศวรรษที่ 1990)
– in the 20th century (ศตวรรษที่ 20)
หลักการจำ: หากเรากำลังพูดถึงช่วงเวลากว้าง ๆ โดยไม่เจาะจงเวลาที่แน่นอน ให้ใช้ in เช่น
My sister starts school in August.
(น้องสาวของฉันเริ่มเรียนในเดือนสิงหาคม)
- on ใช้กับวันและการระบุวันที่แบบเฉพาะเจาะจง รวมถึงสิ่งที่เราระบุชัดลงไปได้ เช่น วันหยุดต่าง ๆ ในปฏิทินหรือวันในแต่ละสัปดาห์ เช่น
– on Monday
– on 1st June
– on New Year’s Day
– on my birthday
หลักการจำ: หากรู้ว่าวันนั้นเป็นวันอะไรในสัปดาห์หรือระบุวันที่ลงไปได้แน่นอน ให้ใช้ on เช่น
Valentine’s Day is on February 14.
(วันวาเลนไทน์ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์)
- at ใช้กับการพูดถึงเวลาแบบเฉพาะเจาะจง หรือกิจกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น
– at 7 a.m.
– at noon
– at night
– at midnight
– at lunchtime (ตอนมื้อเที่ยง)
หลักการจำ: หากระบุเวลาได้อย่างแน่นอน ให้ใช้ at เช่น
Let’s meet at noon.
(งั้นเจอกันตอนเที่ยงนะ) หากเปลี่ยนช่วงเวลาในประโยคนี้เป็น in the afternoon เราจะเห็นได้เลยว่าช่วงเวลามีความเฉพาะเจาะจงแตกต่างกัน
คำบุพบทบอกเวลา อื่น ๆ ที่พบบ่อย
ในการ เรียนภาษาอังกฤษ คำบุพบทบอกเวลา หรือ Preposition of time ไม่ได้มีเพียง in, on และ at เท่านั้น แต่ยังมีตัวอื่นอีก ซึ่งบางตัวก็อาจทำให้สับสนได้เช่นกัน และต่อไปนี้คือบุพบทบอกเวลาที่พบได้ในการ เรียนภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน
- by หมายถึง “ไม่เกิน” หรือก่อนถึงเวลาใดเวลาหนึ่ง ใช้เมื่อพูดถึงจุดสิ้นสุดของเวลา เช่น
I’ll finish the report by Monday.
(ฉันจะทำรายงานให้เสร็จภายในวันจันทร์)
- for และ since
นี่คืออีกหนึ่งคู่ preposition of time ซึ่งหลายคนที่ เรียนภาษาอังกฤษ มักจะสับสน โดย for ใช้บอกระยะเวลา ส่วน since หมายถึง “ตั้งแต่” ใช้บอกจุดเริ่มต้นของเวลา สังเกตได้จากสองตัวอย่างต่อไปนี้
– I have lived here for 15 years.
(ผมอยู่ที่นี่มา 15 ปีแล้ว)
– I have lived here since 2010.
(ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปี 2010)
- before กับ after หมายถึง “ก่อน” และ “หลัง” เช่น
– I had lunch before the meeting.
(ฉันกินมื้อเที่ยงก่อนเข้าประชุม)
– Let’s go out after dinner.
(หลังมื้อเย็นแล้ว ออกไปข้างนอกกันนะ)
- from … to … ใช้บอกเวลาจากช่วงหนึ่งไปถึงอีกช่วงหนึ่ง แม้ว่า เรียนภาษาอังกฤษ ในระดับเริ่มต้นอาจยังไม่เจอบุพบทตัวนี้ แต่ถือว่าเป็นคำที่มีความจำเป็นมาก เพราะใช้กับการพูดในชีวิตประจำวัน เช่น
The store is open from 8 A.M. to 6 P.M.
(ร้านเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น)
ความจริงแล้ว preposition of time ยังมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น during (ระหว่าง) until (จนกระทั่ง) ฯลฯ ซึ่งเพื่อน ๆ จะพบได้ตลอดช่วงที่ เรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่นดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แต่อ่านนิยาย ไปจนถึงการเรียนกับอาจารย์ในสถาบันและโรงเรียนสอนภาษา สิ่งสำคัญคือเมื่อเรียนแล้วต้องนำไปใช้จริงและฝึกฝนอยู่เสมอ ซึ่งหากเพื่อน ๆ กำลังมองหาช่องทาง เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ กับผู้เชี่ยวชาญ เราขอแนะนำ Engduo Thailand เพราะที่นี่การันตีทั้งคุณภาพของผู้สอนและยังมีคอร์สที่ออกแบบมาเพื่อทุกความต้องการ