เชื่อว่าในการเรียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะในส่วนของหลักแกรมม่า จะต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของ Adjective หรือก็คือคำคุณศัพท์ มาบ่อยครั้ง แล้วคำคุณศัพท์หมายถึงอะไร? วันนี้เราจะพามาทำความรู้จัก พร้อมทั้งวิธีการใช้แบบเข้าใจง่าย
Adjective (คำคุณศัพท์)
Adjective หรือ คำคุณศัพท์ เป็นคำที่ใช้สำหรับการพรรณา หรือแสดงลักษณะ บุคลิกภาพ สี สถานะ ระดับ หรือขอบเขตของคำนามหรือคำสรรพนาม เพื่อให้รู้ถึงรายละเอียดของคำนามรือคำสรรพนามเพิ่มเติม ซึ่งก็เป็น 1 ใน 8 ของ Part of speech ด้วยเช่นกัน
การเรียงลำดับของ Adjective
การเรียงลำดับอาจจะไม่ใช่กฎตายตัว แต่จะเป็นสูตรที่นิยมใช้กัน ซึ่งบางตำแหน่งสามารถสลับกันได้
- Opinion (ความคิดเห็น) ได้แก่ beautiful (สวย), wonderful (ยอดเยี่ยม), terrible (แย่มาก)
- Size (ขนาด) ได้แก่ long (ยาว), small (เล็ก), short (สั้น)
- Age (อายุ) ได้แก่ old (แก่), young (หนุ่มสาว), new (ใหม่)
- Shape (รูปร่าง) ได้แก่ circular (กลม), fat (อ้วน), square (สี่เหลี่ยม)
- Color (สี) ได้แก่ black (สีดำ), red (สีแดง), pink (สีชมพู)
- Origin (แหล่งกำเนิด) ได้แก่ Thai (ไทย), Chinese (จีน), USA (สหรัฐอเมริกา)
- Material (วัสดุ) ได้แก่ metal (โลหะ), stone (หิน), glass (กระจก)
- Purpose (วัตถุประสงค์) ได้แก่ cleaning (ทำความสะอาด), cooking (ทำอาหาร), travel (ท่องเที่ยว)
ประเภทของ Adjective
Adjective หรือ คำคุณศัพท์สามารถแบ่งเป็นประเภทได้ถึง 8 ประเภท ได้แก่
- Descriptive Adjective (คำคุณศัพท์บอกลักษณะ) เช่น good, bad, smart, pretty เป็นต้น
- Proper Adjective (คำคุณศัพท์บอกสัญชาติ) เช่น Thai, Chinese, Japanese, German เป็นต้น
- Quantitative Adjective (คำคุณศัพท์บอกปริมาณ) เช่น enough, half, great, all เป็นต้น
- Numeral Adjective (คำคุณศัพท์บอกจำนวน) เช่น one, two, first, single เป็นต้น
- Distributive Adjective (คำคุณศัพท์แบ่งแยก) เช่น each, every, either, neither เป็นต้น
- Interrogative Adjective (คำคุณศัพท์บอกคําถาม) เช่น what, which, whose, who เป็นต้น
- Demonstrative Adjective (คำคุณศัพท์ชี้เฉพาะ) เช่น this, that, these, those เป็นต้น
- Possessive Adjective (คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของ) เป็น my, your, our, his เป็นต้น
หลักการใช้ Adjective
1. Adjective วางหน้าคำนาม
ตัวอย่างประโยค
“A red house is beautiful.” (บ้านหลังสีแดงสวย)
“I saw a fat cat yesterday.” (ฉันเห็นแมวตัวอ้วนเมื่อวานนี้)
2. Adjective ตามหลัง Verb to be
ตัวอย่างประโยค
“I am bored.” (ฉันรู้สึกเบื่อ)
“We are lucky.” (พวกเราโชคดี)
3. Adjective ตามหลัง Linking Verb
ตัวอย่างประโยค
“You look beautiful in this dress.” (คุณดูสวยในชุดเดรสชุดนี้)
“I feel bad everyday.” (ฉันรู้สึกแย่ทุกวัน)
ระดับของ Adjective
การเปรียบเทียบของ Adjective มีทั้งหมด 3 ขั้น ได้แก่
- ขั้นเท่ากัน หรือการบรรยายสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีการเปรียบเทียบ
ตัวอย่างเช่น “He is as tall as me.” (เขาสูงเท่ากับฉัน)
- ขั้นกว่า หรือการเปรียบเทียบจากสองสิ่ง
ตัวอย่างเช่น “He is taller than me.” (เขาสูงกว่าฉัน)
- ขั้นสูงสุด การเปรียบเทียบตั้งแต่สามขึ้นไป เพื่อหาสิ่งที่เป็นที่สุด
ตัวอย่างเช่น “He is the tallest.” (เขาสูงที่สุด)
บทความที่เกี่ยวข้อง Linking verb คืออะไร ต่างจาก Verb to be อย่างไร
บทสรุป
จะเห็นได้ว่าหากเราสามารถจับจุดการวางตำแหน่ง หรือรูปแบบในการเรียงประโยคแล้ว ก็จะสามารถทำความเข้าใจได้มากขึ้น และสิ่งสำคัญสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ คือจะต้องหมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ และลองทำแบบฝึกหัดอยู่เป็นประจำ หรือหากว่าใครที่ต้องการเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเพิ่มเติม สามารถเรียนได้ที่ Engduo Thailand เพราะมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้เลือกมากมาย รับประกันคุณภาพจากผู้เชี่ยวชาญทางภาษาโดยตรง ไม่ว่าจะเรียนเพื่อการสื่อสาร การทำงาน หรือเตรียมพร้อมสำหรับการศึกษาต่อ ก็ตอบโจทย์และเห็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน แถมที่ Engduo Thailand นั้นมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษให้เลือกเรียนอย่างหลากหลาย เช่น ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน เป็นต้น