เคลียร์ชัด! see, watch, look ใช้ยังไงไม่ให้สับสน

เคลียร์ชัด! see, watch, look ใช้ยังไงไม่ให้สับสน

สำหรับคนที่เริ่ม เรียนภาษาอังกฤษ นอกจากเรื่อง Grammar ที่ทำให้งงได้แล้ว หนึ่งในเรื่องที่ทำให้งงมากกว่าคือคำศัพท์ โดยเฉพาะคำที่มีความหมายเหมือนหรือใกล้เคียงกัน หากคำที่เหมือนกันมีเพียงสองคำ (เช่น do กับ make) การแยกความแตกต่างก็ถือว่าทำได้ไม่ยาก แต่ถ้ามี 3 คำล่ะ! จะทำยังไงดี วันนี้เราจะพาทุกคนโดยเฉพาะใครที่เพิ่ง เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ ไปหาคำตอบกับความแตกต่างของ see, watch และ look คำกริยาที่อยู่ในกลุ่มคำศัพท์พื้นฐาน แต่มีความแตกต่างกันจนทำให้หลายคนใช้ผิด

 

สามคำนี้ใช้ต่างกันอย่างไร

 

เพื่อให้เข้าใจง่ายสำหรับคนที่ เรียนภาษาอังกฤษ แล้วกำลังสับสนเรื่องนี้ เราขอแนะนำให้พิจารณาสามคำนี้จากระดับความตั้งใจในการมอง ซึ่งถ้าดูจากเรื่องนี้ เราจะสรุปได้ว่า

 

1. see หมายถึง “มองเห็น” ใช้กับสิ่งที่เราเห็นโดยอัตโนมัติ

อาจจะโดยไม่ตั้งใจ หรือมีความตั้งใจในระดับที่น้อยมาก เป็นการมองเห็นที่เกิดจากธรรมชาติของสายตา ไม่ได้เกิดจากการเพ่งดู เช่น

 

– I see a bird outside the window.

(ฉันเห็นนกตัวหนึ่งอยู่นอกหน้าต่าง)

– Did you see that man over there?

(เธอเห็นผู้ชายที่อยู่ตรงนั้นมั้ย)

 

2. look หมายถึงมองไปยังบางสิ่ง ในระดับที่มีความตั้งใจ

ส่วนใหญ่ใช้กับการมองโดยเจาะจงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นการมุ่งความสนใจหรือเบนสายตาไปที่สิ่งนั้น คำที่มักจะพบคู่กันคือ look at … หรือ look for … เช่น

 

Look at the sky. It’s so beautiful today!

(ท้องฟ้าวันนี้สวยมาก เธอลองมองดูสิ!)

– She looked at me and smiled.

(เธอมองมาที่ผม แล้วก็ยิ้ม)

– Don’t look at your phone while walking.

(อย่าดูแต่โทรศัพท์ขณะกำลังเดินอยู่)

 

3. watch หมายถึงจ้องดูบางสิ่งแบบต่อเนื่อง

มักใช้กับการเฝ้าดูบางสิ่งที่เคลื่อนไหว จึงเป็นการมองที่ต้องใช้ความตั้งใจมากที่สุดเมื่อเทียบกับสองคำก่อนหน้านี้ ตัวอย่างเช่น

 

– I love to watch movies on weekends.

(วันหยุดฉันชอบดูหนัง)

– We watched the football match last night.

(เมื่อคืนพวกเราดูฟุตบอล)

 

รายละเอียดคอร์สเรียน

 

ตัวอย่างการนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน

ทุกคนน่าจะเข้าใจแล้วว่า see, watch และ look ต่างกันยังไง แต่การ เรียนภาษาอังกฤษ ให้ได้ผลดี นอกจากรู้ความหมายของคำแล้ว จะต้องนำไปใช้จริงได้ด้วย เราพบสามคำนี้ได้ในหลายสถานการณ์ ซึ่งต่อไปนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น:

 

  1. ใช้ see ในการบอกทาง

A: How do I get to the Museum?

(พิพิธภัณฑ์ไปทางไหนครับ)

B: Go straight ahead and take the second right. You’ll see the sign for it.

(ตรงไปเรื่อย ๆ เลี้ยวขวาตรงแยกที่สอง ก็จะเห็นป้ายครับ)

 

  1. ใช้ look ในบทสนทนาเกี่ยวกับการ shopping 

A: I’m looking for a dishwasher.

(ผมกำลังมองหาเครื่องล้างจานอยู่ครับ)

B: Are you looking for freestanding or built-in one?

(คุณกำลังมองหารุ่นที่ไม่ต้องติดตั้ง หรือติดตั้งแบบบิ้วท์อินครับ)

 

  1. ใช้ watch ในบทสนทนา

A: What are you doing right now?

(ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่)

B: I’m watching a movie on Netflix. Let me call you back later.

(ผมกำลังดูหนังใน Netflix อยู่ ไว้ผมโทรกลับนะครับ)

 

  1. ตัวอย่างการใช้ทั้งสามคำในสถานการณ์เกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย

 

– See:

I saw your post on Instagram.

(ผมเห็นโพสต์ของคุณบนอินสตาแกรมแล้ว)

– Look:

Look at what my friend shared.

(ดูสิว่าเพื่อนผมแชร์อะไรมา)

– Watch:

I watched a funny video just now.

(ผมเพิ่งดูวิดีโอตลก ๆ อันหนึ่งจบไป)

 

ในการ เรียนภาษาอังกฤษ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือเลือกคอร์สเรียนที่เหมาะกับตัวเอง และหากพูดถึงการเรียนในปัจจุบัน เทรนด์ของการ เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ก็ดูจะได้รับความนิยมมากกว่าการเรียนในห้องเรียนไปแล้ว เพราะความสะดวกสบายในการเข้าถึงคอร์สเรียนจากที่ไหนก็ได้ หากคอร์สออนไลน์คือสิ่งที่คุณกำลังมองหา เราขอแนะนำ Engduo Thailand ไม่ว่าจะเรียนเพื่อปรับพื้นฐาน เตรียมสอบ หรือภาษาอังกฤษธุรกิจเพื่อใช้ในการทำงาน ที่นี่ก็มีคอร์สที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ

Engduo Thailand

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ตัวต่อตัว พูดได้ชัวร์ ใช้ได้จริง

Engduo Thailand

ค้นหาคอร์สเรียนที่เหมาะกับคุณ ติดต่อเราเลย

FB: Engduo Thailand

Messenger

Line: @engduo

Tel: 0988268961

บทความของเรา

ดูบทความทั้งหมด