การ เรียนภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีแค่การสื่อสารในชีวิตประจำวันโดยทั่วไปอย่างเดียว แต่การสื่อสารให้มีประสิทธิภาพและยกระดับให้ดูเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้นก็เป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารสำหรับการดำเนินธุรกิจ (Business English) ด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ ทำงานในองค์กรที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก วันนี้เรามา เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ และมาดูความแตกต่างระหว่าง Business English VS General English เพื่อยกระดับการ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง กันดีกว่า
ความต่างของ Business English VS General English ภาษาอังกฤษทั่วไปและสำหรับธุรกิจ
สำหรับภาษาอังกฤษทั่วไป คือ ภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน เช่น พูดคุยกับเพื่อน การท่องเที่ยว ดูหนัง ฟังเพลง หรืออ่านข่าวต่าง ๆ แต่สำหรับภาษาอังกฤษสำหรับธุรกิจ คือ การใช้ภาษาอังกฤษในบริบทของการทำงานและธุรกิจ เช่น เขียนอีเมลทางการ พูดคุยในการประชุม นำเสนองาน ต่อรองเจรจา เขียนรายงาน หรือ รวมไปถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งก็คือการสื่อสารกับบุคลากรที่ทำงานและลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ
สำหรับเจ้าของธุรกิจและคนทำงานในองค์กรที่ต้องทำงานกับชาวต่างชาติ เพื่อเป็นการอัปสกิล เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อใช้สื่อสาร นี่คือ 12 ตัวอย่างประโยคแบบทางการและไม่ทางการที่คุณควรรู้ สามารถนำไปใช้สื่อสารในบริบทต่าง ๆ การเรียนรู้และฝึกฝนเพื่อให้ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว จะทำให้ดูโปรมากขึ้นในการทำงานด้วย
12 ตัวอย่างประโยคแบบทางการและไม่ทางการเพื่อใช้สื่อสารในบริบทต่าง ๆ
- Shall we get started?
= เรามาเริ่มกันเลยดีไหม
เหมาะสำหรับเริ่มพูดคุยถึงประเด็นที่ต้องการพูดคุยในที่ประชุม / หารือหัวข้อต่าง ๆ
- I appreciate your presence here.
= ขอบคุณที่สละเวลามาอยู่ที่นี่
เหมาะสำหรับการนัดพบปะกับลูกค้าเมื่อมีนัดหมาย
- Keep me in the loop.
= อย่าลืมบอกข่าวหรือความคืบหน้าให้ฉันรู้นะ
เหมาะสำหรับการติดตามความคืบหน้าและอัปเดตต่าง ๆ เกี่ยวกับงาน
- Could you clarify that?
= คุณช่วยอธิบายให้ชัดเจนได้หรือไม่
เหมาะสำหรับการขอคำอธิบายเพิ่มเติมอย่างสุภาพ
- Let’s get the ball rolling.
= มาเริ่มกันเถอะ / ได้เวลาลงมือทำแล้ว
เหมาะสำหรับเริ่มต้นกิจกรรม โครงการ หรือกระบวนการบางอย่าง ให้เริ่มมีการขับเคลื่อน
- Let’s brainstorm some ideas.
= มาระดมสมองกันเถอะ
เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการให้ทุกคนช่วยกันคิดหาไอเดียหรือแนวทางใหม่ ๆ อย่างอิสระ
- We need to iron out the details.
= จัดการรายละเอียดให้เรียบร้อย
เหมาะสำหรับแก้ไข ปรับ หรือจัดการรายละเอียดเล็กน้อยหรือปัญหายิบย่อยให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการงานนั้น ๆ ต่อ
- Try to find a solution that works for both of us.
= มาพยายามหาวิธีแก้ไขที่เป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายกัน หรือ ลองหาทางออกที่เหมาะสมกับเราทั้งสองฝ่าย
เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่เน้นให้เกิดการตกลงกันแบบ win-win (ทั้งสองฝ่ายพอใจ) แสดงท่าทีประนีประนอมในการเจรจา
และกระตุ้นให้อีกฝ่ายร่วมมือในการหาทางออกที่สมดุลและยุติธรรม
- Does anyone have any comments on this point?
= มีใครมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็น / จุดนี้ไหม
เหมาะสำหรับเปิดโอกาสให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็นและเชิญให้ทีมมีส่วนร่วมในการพูดคุย
- I’ll be happy to help you with that.
= ฉันยินดีช่วยเหลือในเรื่องนั้น
เหมาะสำหรับแสดงความเต็มใจที่จะช่วยเหลือ หรือ ตอบรับคำขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่างสุภาพและเป็นมิตร
- Don’t hesitate to reach out if you need anything.
= ถ้าหากคุณต้องการอะไร อย่าลังเลที่จะติดต่อมานะ
เหมาะสำหรับเมื่อต้องการปิดท้ายการสนทนาอย่างมืออาชีพ ใช้เมื่อพูดคุยกับลูกค้า เพื่อนร่วมงานและติดต่อกับคู่ค้า
- Great to meet you, let’s keep in touch.
= ยินดีที่ได้พบคุณนะ คอยติดต่อกันไว้นะ
เหมาะสำหรับการแสดงความเป็นมิตร และเปิดโอกาสให้มีความสัมพันธ์ต่อกันทางธุรกิจในอนาคต
เห็นไหมว่าความแตกต่างระหว่าง Business English กับ General English คือการยกระดับการใช้ภาษาให้มีความสุภาพ มีคำเฉพาะสำหรับใช้ในบริบทต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นใครที่กำลัง เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง และสนใจการทำงานอย่างมืออาชีพ ภาษาอังกฤษสำหรับการทำธุรกิจเป็นเรื่องที่น่าสนใจและนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างแน่นอน