เจาะลึก past perfect tense รู้หลักการใช้และโครงสร้างประโยค ฉบับเข้าใจง่าย

เจาะลึก past perfect tense รู้หลักการใช้และโครงสร้างประโยค ฉบับเข้าใจง่าย

หากพูดถึงประโยคในรูปอดีตของภาษาอังกฤษแล้ว ทุกคนอาจจะนึกถึง Tense หรือกาลที่เป็นหัวใจหลักของภาษาอย่าง Past Simple แต่ยังมีอีกหนึ่งกาลสำคัญที่ใช้บอกถึงเหตุการณ์ในอดีตอย่าง Past Perfect Tense คือ ใช้ระบุเวลาที่เฉพาะในอดีตเหมือนกัน แต่ยังทิ้งร่อยรอง หรือ มีผลในปัจจุบันอยู่ ไว้ใช้เล่าเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นก่อนอีกเหตุการณ์เป็นหลัก มาทำความรู้จัก Past Perfect Tense กันให้มากขึ้น เพื่อนำไปใช้อย่างถูกต้องกัน

 

ความหมายและหลักการใช้ Past Perfect

ความหมายของ Past Perfect Tense หรือ อดีตกาลสมบูรณ์และมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Pluperfect ซึ่งมักถูกใช้ในการเจาะจงการกระทำในอดีตที่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน แต่จะต่างกัน Present Perfect Tense เพราะไม่ได้ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน แค่ให้ผลทิ้งไว้ในอดีต พร้อมเวลาระบุที่แน่ชัด ต่างจาก Past Simple ที่ระบุเวลาแต่เหตุการณ์นั้นสิ้นสุดและจบไปแล้วในอดีต นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ในการลำดับเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นก่อนและหลังอีกด้วย

 

โครงสร้าง Past Perfect มีลักษณะอย่างไร

โดยโครงสร้างของ Past Perfect จะมีความคล้ายกับ Present Perfect ด้วยการเปลี่ยนตัวกริยาช่วยจาก Have ที่แสดงความเป็นปัจจุบันเป็นอดีต หรือ Had นั่นเอง ซึ่งเป็นโครงสร้างที่จำไม่ได้ยากเลย และกริยาแท้ที่ใช้ก็เป็นกริยาช่องที่ 3 หรือ past participle ที่เติม ed หรือผันรูปตามที่เราได้เคยเห็นกันมา ดังนั้นเพื่อทำความเข้าใจกับ Past Perfect ให้มากขึ้น เรามาดูโครงสร้างของ ประโยค Past Perfect ตั้งแต่ประโยคบอกเล่า ประโยคปฏิเสธและประโยคคำถามว่า ประโยคแต่ละแบบประกอบด้วยอะไรบ้าง

โครงสร้าง:

ประโยคบอกเล่า         Subject + had + v3/ed  

ตัวอย่าง:                      The bus had just left.

 

ประโยคปฏิเสธ Subject + had not + v3/ed

ตัวอย่าง:                      The bus had not just left.

 

ประโยคคำถาม Had + subject + v3/ed ?

ตัวอย่าง:                      Had the bus just left?

 

หลักการใช้ Past Perfect

สำหรับหลักการใช้ Past Perfect สามารถจดจำและเอาไปใช้ได้อย่างถูกต้อง โดยมีหลักการใช้ 4 หลักการให้เราจำกันได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

 

  1. โดยทั่วไป Past Perfect ใช้พูดถึงเวลาที่เฉพาะเจาะจงในอดีต และยังมีผลมาถึงปัจจุบัน หรือ ยังคงอยู่ถึงปัจจุบันว่าเคยทำมาแล้ว

ใช้โครงสร้างทั่วไป Subject + had + v3

ตัวอย่าง:

  • Everyone had arrived at the office by 08:00 am. (หลังจากถึงออฟฟิศก็แยกย้าย)

ทุกคนมาถึงออฟฟิศตอน 8 โมงเช้า

  • I had already seen that movie before. (ได้ดูหนังเรื่องนี้มาก่อนและจำได้)

ฉันเคยดูหนังเรื่องนี้มาก่อนแล้วนะ

  • She had not finished the big project. (ทำโปรเจกต์ไม่สำเร็จยังค้างคา)

เธอไม่ได้ทำโปรเจกต์ให้เสร็จเลย

  • Had he already left from then? (อาจไม่ได้กลับมาอีกเลย)

เขาย้ายออกไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรือ

  • All my friends had gone home in the last summer. (จำได้ว่าเพื่อน ๆ กลับบ้านฤดูร้อนที่แล้ว)

เพื่อน ๆ ของผมกลับบ้านไปเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว

  • What had they said that made her so angry?

พวกเขาพูดอะไรให้เธอโกรธขนาดนั้น (โกรธจนจำมาถึงวันนี้)

–     He had not spoken to you about the problem, had he?

เขาไม่ได้บอกคุณเรื่องปัญหาที่ว่า ใช่ไหม

  1. ใช้สำหรับเรียงลำดับเหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Past Perfect และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีหลังใช้ Past Simple ซึ่งเป็นการเล่าเหตุการณ์ที่เก่ากว่าอีกเหตุการณ์หนึ่ง

ใช้โครงสร้าง Subject + had + v3, subject + v2

ตัวอย่าง:

  • My mom was not at home. She had gone shopping.

แม่ของฉันไม่ได้อยู่บ้าน เธอออกไปซื้อของ

  • It was sad when the office closed. I had worked there over 10 years.

มันน่าเศร้านักเมื่อออฟฟิศปิดตัวลง ฉันทำงานที่นั้นมาตั้ง 10 กว่าปีน่ะ

*มีการใช้ for เพื่อบอกระยะเวลาของการกระทำในอดีต คล้ายกับ Present Perfect

  • By the time he texted her, she had found someone new.

กว่าที่เขาจะพิมพ์แชทหาเธอ เธอก็ไปมีคนใหม่แล้ว

  • When we were in college together, we had performed this song at the hall.

เมื่อเรายังอยู่มหาวิทยาลัยด้วยกัน เราได้ทำการแสดงร้องเพลงนี้ที่ฮอลล์ด้วยล่ะ

  • I had written the email before he apologized about last week.

ฉันได้เขียนอีเมล ก่อนที่เขาจะมาขอโทษเรื่องเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

  1. มีการใช้หลังประโยค Before เพื่อแสดงสิ่งที่ไม่ได้ทำ ในขณะที่อีกประโยคที่เกิดขึ้นแล้วเป็น Past Simple สำหรับ After จะเริ่มด้วย Past Perfect ที่จบไปก่อนและเหตุการณ์ที่เกิดหลังเป็น Past Simple นอกจากนี้ยังมีคำบุพบท หรือ Preposition อื่น ๆ เช่น by the time (ในเวลานั้น), when (เมื่อ)…, since …., because เป็นต้น ซึ่งสามารถเห็นได้จากตัวอย่างดังต่อไปนี้

3.1 ใช้โครงสร้าง Subject + had + v3 + (before หรือบุพบทอื่น) + subject + v2

ตัวอย่าง:

  • My sister had solved five math problems before I did only one.

น้องสาวของฉันแก้ปัญหาโจทย์ไปได้แล้ว 5 ข้อ ก่อนที่ฉันจะทำเสร็จได้แค่ข้อเดียว

  • I had completed my assignment before the teacher told us to do.

ฉันทำการบ้านเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่คุณครูจะสั่งพวกเราเสียอีก

  • Before it started to rain, the players had played football in that field.

ก่อนที่ฝนจะเริ่มตกลง นักกีฬาก็ได้เล่นฟุตบอลในสนามนั้นอยู่ก่อนแล้ว

  • When she arrived home, her maid had already cooked dinner.

เมื่อเธอกลับถึงบ้าน แม่บ้านของเธอก็ได้จัดเตรียมอาหารเย็นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

 

3.2 ใช้โครงสร้าง (After หรือบุพบทอื่น) + subject + v2, subject + had + v3

ตัวอย่าง:

  • After the time we got there, the restaurant had closed.

หลังจากที่เราไปถึงที่นั่น ร้านอาหารก็ปิดไปแล้ว

  • At the time the polices arrived, the thief had escaped from the shop.

พอตำรวจมาถึง โจรก็หนีออกจากร้านไปแล้ว

 

ข้อควรระวังและข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการใช้ Past Perfect

ข้อควรระวังที่มักพบได้บ่อยในการใช้ Past Perfect คือการจำสับสนกับ Past Simple เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Past Simple คือการระบุเวลาในอดีตก็จริง แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน กล่าวคือเป็นเหตุการณ์ที่สิ้นสุดไปในอดีตแล้วนั่นเอง แต่สำหรับ Past Perfect คืออดีตที่เก่ากว่า Past Simple แต่อาจมีผลมาถึงปัจจุบัน โดยที่อาจระบุเวลาหรือไม่ระบุเวลาในประโยคก็ได้ รวมถึงอย่าจำสลับกับ Present Perfect เพราะ Past Perfect หมายถึงอดีตเท่านั้น

รายละเอียดคอร์สเรียน

ตัวอย่างประโยคการใช้ Past Perfect ในชีวิตประจำวัน

หลังจากที่เราทำความเข้าใจกับโครงสร้างและหลักการใช้ พร้อมตัวอย่างกันพอประมาณแล้ว เรามาดูกันดีกว่าว่า เราสามารถใช้ Past Perfect ในชีวิตประจำวันได้ในบริบทใดบ้างจากตัวอย่างดังต่อไปนี้

  • I had eaten breakfast before I went to the office.

ฉันได้ทานอาหารเช้าก่อนที่จะไปที่ออฟฟิศ

  • The plane had left by the time I got to the airport.

เครื่องบินได้ออกไปแล้ว ในเวลาที่ฉันไปถึงสนามบิน

  • I helped my nephew to do the assignment after I had finished my work.

ฉันช่วยหลานชายของฉันทำการบ้าน หลังจากที่ฉันทำงานของตัวเองเสร็จแล้ว

  • I did not have any cash because I had lost my wallet.

ผมไม่มีเงินสดเลย เพราะว่ากระเป๋าสตางค์ผมหาย

–     She stayed up all night as she had received bad news about her new job.

เธอนอนไม่หลับทั้งคืน เนื่องจากเธอได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับงานใหม่ของเธอ

  • You had not studied French before you moved to Paris.

คุณไม่ได้เรียนภาษาฝรั่งเศสเลย ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่ปารีส

  • I had just gone outside when it started to rain.

ฉันออกไปข้างนอกแล้วในตอนที่ฝนเริ่มตกพรำ ๆ

  • You had never asked me for permission before going out.

เธอไม่เคยขออนุญาตฉันก่อนที่จะออกไปเที่ยวข้างนอกเลย

  • I had visited my mother before I went for lunch.

ฉันได้ไปเยี่ยมแม่ของฉันมาก่อนที่ฉันจะไปหาข้าวกลางวันทาน

  • We had established our company before 2014

เราได้ก่อตั้งบริษัทร่วมกันก่อนหน้าปี 2014

  • You had promised not to be late like that.

เธอสัญญาแล้วว่าจะไม่มาช้าแบบนั้น

 

สรุป

Past Perfect ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ เพียงแค่เราเข้าใจหลักการใช้และโครงสร้างก็สามารถนำไปใช้ได้แบบมือโปรแล้ว อีกทั้งยังช่วยพัฒนาไปถึงแกรมม่าและทักษะการเขียนภาษาอังกฤษด้วย อย่าลืมลองไปฝึกใช้กันดูล่ะ หากต้องการฝึกทักษะความรู้ภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ที่ Engduo Thailand ก็มีคอร์ส เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว และสามารถอ่านความรู้เสริมทักษะภาษาอังกฤษอื่น ๆ ได้ในเว็บไซต์นี้อีกด้วย

Engduo Thailand

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ ตัวต่อตัว พูดได้ชัวร์ ใช้ได้จริง

Engduo Thailand

ค้นหาคอร์สเรียนที่เหมาะกับคุณ ติดต่อเราเลย

FB: Engduo Thailand

Messenger

Line: @engduo

Tel: 0988268961

บทความของเรา

ดูบทความทั้งหมด