เมื่อพูดถึงคำนำหน้าชื่อแล้ว ในภาษาไทยคงรู้จักกันดี เช่น นาย นาง นางสาว หรือคำนำหน้ายศและตำแหน่งต่าง ๆ ส่วนภาษาอังกฤษก็จะมีคำนำหน้าเช่นเดียวกัน ซึ่ง คำนำหน้าภาษาอังกฤษ เหล่านี้ เราจะได้เห็นและอ่านพบได้อยู่ทุกวัน ทั้งในข่าว หนังสือ วรรณกรรม การสนทนา เพราะเป็นคำที่ใช้กับบุคคลโดยตรง หากเราเข้าใจคำนำหน้าของบุคคลต่าง ๆ แล้ว ก็จะเข้าใจเนื้อหาภาษาอังกฤษที่เราฟังและอ่านได้มากขึ้น อีกทั้งยังนำไปเขียนและพูดได้อย่างถูกต้องด้วย
มาดูกันว่า คำนำหน้า ภาษาอังกฤษ ที่พบบ่อยนั้น แต่ละคำมีหลักการใช้อย่างไร ในบทความนี้เราจะมารวบรวมและสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ทั้งประเภทของคำนำหน้าภาษาอังกฤษ คำแปล วิธีการใช้ ยกตัวอย่างประโยค พร้อมนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
ประเภทของ คำนำหน้าภาษาอังกฤษ
คำนำหน้าภาษาอังกฤษมีหลายประเภท เรามาดูแบบที่พบเห็นและใช้กันอยู่บ่อย ๆ พร้อมคำแปล ได้แก่ Miss แปลว่า เด็กหญิงหรือนางสาว, Mrs. แปลว่า นาง ใช้กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ที่ใช้นามสกุลสามี, Mr. แปลว่านาย, Master แปลว่า เด็กชาย, Buddhist monk แปลว่า พระสงฆ์, Rev. คือ บาทหลวง, Mom Luang (M.L.) คือ หม่อมหลวง, Mom Rajawong (M.R.) คือ หม่อมราชวงศ์, Mom Chao (M.C.) คือ หม่อมเจ้า, Emeritus Professor แปลว่า ศาสตราจารย์เกียรติคุณ, Professor (Prof.) แปลว่า ศาสตราจารย์ มักใช้ในมหาวิทยาลัย, Assistant Professor (Asst. Prof.) แปลว่า ผู้ช่วยศาสตราจารย์, Associate Professor (Assoc. Prof.) แปลว่า รองศาสตราจารย์ Dr. อ่านว่า ดอคเท่อะ ซึ่งใช้กับผู้จบปริญญาเอกหรือแพทย์ คำนำหน้าต่าง ๆ เหล่านี้มักจะตามด้วยนามสกุล (last name)
นอกจากตำแหน่งทางการศึกษาแล้ว ยังมีตำแหน่งทางการบริหาร หรือทางธุรกิจ เช่น ผู้บริหารสูงสุด หรือประธาน ใช้ Chairman, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ใช้ Chief Executive Officer หรือตัวย่อ CEO, กรรมการผู้จัดการ ใช้ Managing Director, รองประธาน / รองอธิการบดี ใช้ว่า Vice-President, นักการเงินอาวุโส ใช้ Chief Financial Officer, ส่วนผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน จะใช้ Financial Director (หากเป็นฝ่ายอื่น ๆ ก็สามารถเปลี่ยนคำด้านหน้าแทน Financial)
สำหรับคำนำหน้าชื่อบุคคลที่อยู่ในวงการราชการและการเมือง เช่น สมาชิกรัฐสภา จะใช้ว่า Members of the Parliament ส่วนเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ หรือนายอำเภอ ผู้นำต่าง ๆ ใช้ว่า Prefect สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือผู้แทนต่าง ๆ จะใช้ Representative รัฐมนตรีหรืออัครราชทูต ใช้ Minister ส่วน Prime Minister คือนายกรัฐมนตรี และ Minister คือรัฐมนตรี
ส่วนบรรดาศักดิ์ของชนชั้นสูงและขุนนาง ก็มีคำภาษาอังกฤษให้เรียกเช่นกัน เช่น เจ้าชายหรือเจ้าหญิง จะใช้ว่า Prince/Princess ขุนนางชั้นสูง ใช้ Duke/Duchess/Count/Countess ส่วนขุนนางอังกฤษใช้ Earl ส่วนขุนนางหรือสมาชิกของสภาขุนนาง คุณหญิง จะใช้ Lord และ Lady เป็นคำนำหน้าของเหล่าขุนนาง
นอกจากนี้ ยังมีคำเรียกต่าง ๆ ได้แก่ Sir อ่านว่า เซ่อร์ เป็นคำที่ใช้กับผู้ใหญ่เพศชายได้ทุกช่วงอายุ ส่วน Ma’am อ่านแมมหรือมาม สามารถใช้กับผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิง ที่นิยมใช้ในแถบอเมริกาเหนือ หรือ Madam อ่านว่า แมดเดิม ก็ใช้กับผู้ใหญ่เพศหญิงเช่นกัน
หลักการและวิธีการใช้ คำนำหน้าภาษาอังกฤษ ที่ควรรู้
สำหรับบางคำ จะมีที่มาและหลักการ รวมทั้งวิธีการใช้ เช่น แต่ก่อนจะใช้คำว่า Master ที่แปลว่าเด็กชาย แต่ปัจจุบันจะใช้ mister หรือ Mr. แทน ซึ่งจะใช้ทั้งผู้ใหญ่เพศชายและเด็กผู้ชาย รวมทั้ง ใช้ได้กับทั้งผู้ชายที่แต่งงานแล้ว และยังไม่ได้แต่งงาน การใช้ จะแบ่งเป็นแบบอเมริกัน English ที่ต้องใส่จุด เช่น Mr., Mrs. ส่วนแบบอังกฤษ จะไม่ค่อยใส่จุด เช่น Mr, Mrs ซึ่งพิจารณาเลือกใช้จากประเทศที่เราจะติดต่อหรือธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา ส่วน Ms. ออกเสียงท้ายคำเป็นตัว z (miz) สามารถใช้ได้กับทั้งผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและยังไม่ได้แต่ง หรือไม่แน่ใจว่าแต่งงานแล้วหรือไม่ หรือใช้ในทางธุรกิจ ซึ่งค่อนข้างสุภาพและเป็นทางการ ส่วน Miss ใช้กับผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน หรือแปลว่านางสาว เช่น Miss Rosy Koper สำหรับ Mrs. จะใช้กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ซึ่งคำนำหน้าทั้งหลายนี้ หากเป็นทางการ จะตามด้วยนามสกุลก่อนชื่อ
ชื่อ จะประกอบไปด้วยชื่อจริง (First name, Given name, Real name) ซึ่งมักใช้กับผู้ที่สนิทคุ้นเคยกัน และไม่เป็นทางการ ชื่อกลาง (Middle name) มักจะไม่ค่อยใช้ มักจะใช้ชื่อจริงและนามสกุลมากกว่า บางครั้งจะใช้เป็นอักษรย่อ โดยใช้อักษรตัวแรกของชื่อกลาง สำหรับบางคน อาจมีชื่อกลางมากกว่า 1 ชื่อ สำหรับนามสกุล (Last name, Family name, surname) สื่อให้เห็นถึงการเป็นครอบครัวเดียวกัน เช่น การใช้นามสกุลของพ่อแม่ หรือการใช้นามสกุลของสามี หลังแต่งงาน เป็นต้น มักจะใช้ในกรณีที่ต้องการความเป็นทางการ เพิ่มความสุภาพ เรียกผู้อาวุโสกว่า ใช้ในพิธีการ หรือใช้ในธุรกิจ ซึ่งจะใช้ตามหลังคำนำหน้าชื่อ ส่วนชื่อเล่น หรือ nickname ไม่เป็นที่นิยมในต่างประเทศเหมือนของไทย ซึ่งจะเรียกชื่อเล่นกับคนสนิท ญาติพี่น้อง แต่ในภาษาอังกฤษ อาจเป็นชื่อเล่นที่ย่อมาจากชื่อจริง เช่น Camaroon เรียกว่า Cam เพื่อให้เรียกง่าย ๆ หรืออาจจะตั้งเป็นฉายา ส่วนลำดับการเขียนจะเริ่มจาก ชื่อจริง ตามด้วยชื่อกลาง และตามด้วยนามสกุล เช่น Katie Luise Bird กรณีไม่มีชื่อกลาง ก็จะเป็น Katie Bird นอกจากนี้ ยังพบกรณีที่ต้องเขียนชื่อในงานวิจัย ที่ต้องเขียนนามสกุลก่อน แล้วก็มีเครื่องหมายคอมม่าคั่น และตามด้วยชื่อจริง
ตัวอย่างประโยคที่มีการใช้คำนำหน้าภาษาอังกฤษ
ตัวอย่างประโยคในการเรียกชื่อภาษาอังกฤษ เช่น กรณีคุยกับคนรู้จัก หรือสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการมากนัก ให้ใช้ว่า Hello, Camaroon, How have you been? แปลว่า สวัสดี Camaroon คุณเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งเป็นการใช้ชื่อจริง
หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เป็นทางการ แต่มีความสนิทสนมกันมาก อาจเรียกชื่อเล่น หรือชื่อย่อได้ เช่น Hi, Cam, Where are you heading? หมายถึง สวัสดี Cam คุณกำลังจะไปที่ไหน
กรณีมีการกล่าวถึงบุคคลที่สามที่อีกฝ่ายอาจจะไม่รู้จัก สามารถพูดได้ทั้งชื่อและนามสกุล เช่น Do you know where Katie Bird lives? หมายถึง คุณรู้ไหมว่า Katie Bird อาศัยอยู่ที่ไหน
ส่วนสถานการณ์ที่เป็นทางการ ก็ให้เรียกทั้งคำนำหน้าชื่อ ชื่อ และนามสกุลให้ครบถ้วน เช่น I would like to invite Ms. Katie Bird to deliver a speech. ซึ่งหมายถึง ขอเรียนเชิญคุณ Katie Bird กล่าวสุนทรพจน์
หรือในกรณีใช้ในทางธุรกิจก็ควรมีคำนำหน้าด้วยเช่นกัน แต่ตามด้วยนามสกุล เช่น Nice to meet you, Ms. Bird หรือ May I help you, Mr. Mui ซึ่งแปลว่า ยินดีที่ได้พบคุณ คุณ Bird หรือ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม คุณ Mui บางกรณีอาจเรียกว่า Miss เฉย ๆ เมื่อพูดกับผู้หญิงอายุน้อยกว่าและยังไม่รู้จักชื่อ เช่น May I invite you to our group, Miss? ซึ่งแปลว่า ขออนุญาตเชิญคุณเข้ากลุ่มนะคะ แต่กรณีพูดกับผู้หญิงอายุมากกว่า หรือคาดว่าน่าจะมากกว่า ให้ใช้คำว่า ma’am แทนคำว่า miss เช่น Could you please open the door for me, ma’am? หมายถึง กรุณาช่วยเปิดประตูให้ฉันทีค่ะคุณผู้หญิง หรือกรณีผู้ชาย ใช้ว่า Excuse me, sir. Do you forget your luggage? ขอโทษค่ะท่าน คุณลืมกระเป๋าหรือเปล่าคะ
สำหรับตัวอย่างการเรียกตามความสนิท เช่น อาจารย์ชื่อ Miss Katie Bird หากไม่ได้สนิทกับอาจารย์ท่านนี้มากนัก ให้เรียกว่า Miss Bird แต่เมื่อเกิดความสนิทมากขึ้นแล้ว อาจเรียกว่า Miss Katie ทั้งนี้ ควรได้รับการอนุญาตจากเจ้าของชื่อก่อน หรือหากผู้นั้นอนุญาตให้เรียกชื่อจริง ชื่อสั้น ๆ หรือชื่อเล่นตั้งแต่แรก ก็สามารถเรียกตามนั้นได้ เช่น Please call me Rose แปลว่า เรียกฉันว่าโรสก็ได้นะคะ เป็นต้น
ส่วนตัวอย่างกรณีผู้มีตำแหน่งหรือยศ เช่น Professor Richard, I would like to call you to consult about something. หมายถึง ศาสตราจารย์ Richard คะ ฉันมีเรื่องต้องการปรึกษาค่ะ
ส่วนกรณีการเรียกคนแปลกหน้า ภาษาอังกฤษจะไม่มีคำเฉพาะ แต่ให้ใช้คำนำหน้า และใช้คำทักทายแทน เช่น Excuse me, Ms, you have dropped your glasses. แปลว่า ขอโทษนะคะคุณ คุณทำแว่นตกค่ะ หรือ Sorry, Ma’am, are you in England? ขอโทษนะคะคุณผู้หญิง คุณอยู่ที่ประเทศอังกฤษหรือเปล่าคะ
นอกจากนี้ ยังมีคำนำหน้าชื่อตามตำแหน่งงานในบางอาชีพ ที่สามารถเรียกเป็นคำเรียกชื่อหรือคำนำหน้า เช่น แพทย์ หรือ doctor, พยาบาล หรือ nurse, รัฐมนตรี หรือ minister, พนักงานเสิร์ฟหรือ waiter, พนักงานขับรถ หรือ driver, เจ้าหน้าที่หรือ officer ตัวอย่างประโยค เช่น Is it serious, doctor? คุณหมอคิดว่ามันร้ายแรงไหมคะ Waiter, may I have some more crackers? ขอแครกเกอร์เพิ่มได้ไหมคะ Excuse me, driver, where is the last stop? แปลว่า ขอโทษทีค่ะ ป้ายรถป้ายสุดท้ายคือป้ายไหนคะ เป็นต้น
บทความนี้ ก็ได้พาทุกท่านมาเรียนรู้ประเภทของคำนำหน้าภาษาอังกฤษประเภทต่าง ๆ ที่หลากหลาย พร้อมคำแปล วิธีการใช้ ตัวอย่างประโยค ซึ่งสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับชาวต่างชาติ การประชุมนานาชาติ การพูดคุยกับชาวต่างชาติ ในสถานการณ์และบริบทต่าง ๆ ที่ต้องใช้คำนำหน้าชื่อ
การศึกษาและ เรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร อย่างเรื่องคำนำหน้านี้ จะได้ใช้บ่อยทั้งในการฟัง พูด อ่าน และเขียน ทุกสถานการณ์ในชีวิตประจำวันและการทำงาน เพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมในทุกสถานการณ์